SynBio in Action | ชีววิทยาสังเคราะห์อยู่ที่ไหน [EP.03]: Textile Industry พัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอด้วยชีววิทยาสังเคราะห์
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งมีมูลค่ากว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ด้านความยั่งยืนอย่างรุนแรง กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การเพาะปลูกเส้นใยธรรมชาติที่ใช้น้ำและสารเคมีมหาศาล (1) ไปจนถึงการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ (2) และกระบวนการฟอกย้อมที่ปล่อยสารพิษลงสู่แหล่งน้ำ ได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ (3) และทวีความรุนแรงขึ้นจากวัฒนธรรม Fast Fashion ที่ส่งเสริมการบริโภคเกินพอดีและสร้างขยะสิ่งทอมหาศาล มีการประเมินว่าในแต่ละปีมีขยะสิ่งทอเกิดขึ้นถึง 92 ล้านตัน โดย 57% ถูกนำไปฝังกลบ และอีก 25% ถูกเผาทำลาย (4)
ท่ามกลางความท้าทายนี้ เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology หรือ SynBio) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนเกม (Game-Changing Technology) ที่มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งอุตสาหกรรม SynBio ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้หลักการทางวิศวกรรมเพื่อออกแบบและสร้างระบบชีวภาพขึ้นใหม่ ช่วยให้เราสามารถตั้งโปรแกรมให้จุลินทรีย์ เช่น ยีสต์ แบคทีเรีย หรือสาหร่าย กลายเป็น “โรงงานชีวภาพ” (Bio-factories) ที่สามารถผลิตวัสดุและสารเคมีที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยใช้กระบวนการหมักแม่นยำ
การประยุกต์ใช้ SynBio ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ศักยภาพของชีววิทยาสังเคราะห์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แนวคิด แต่ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้จริงในทุกขั้นตอนของอุตสาหกรรมสิ่งทอ ตั้งแต่การสร้างสรรค์เส้นใยชนิดใหม่ การปฏิวัติกระบวนการย้อมสี ไปจนถึงการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับเนื้อผ้า นวัตกรรมเหล่านี้กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของสิ่งที่เราสวมใส่
การผลิตเส้นใยชีวภาพ (Bio-Fabrication)
SynBio กำลังสร้างนิยามใหม่ของคำว่า “เส้นใย” โดยเปลี่ยนจากการเก็บเกี่ยวจากพืชหรือสกัดจากปิโตรเลียม มาเป็นการ “เพาะเลี้ยง” วัสดุขึ้นมาในห้องปฏิบัติการ
เส้นใยโปรตีน (Protein-Based Fibers) นวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดคือใยไหมแมงมุมสังเคราะห์ ซึ่งเป็นวัสดุในตำนานที่มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ แข็งแกร่งและเหนียว (5) บริษัทผู้บุกเบิกอย่าง Bolt Threads (สหรัฐอเมริกา; ปัจจุที่หันไปทำธุรกิจอื่น) และ Spiber (ญี่ปุ่น) ได้ทำการดัดแปลงพันธุกรรมของยีสต์และแบคทีเรียให้สามารถผลิตโปรตีนใยแมงมุมผ่านกระบวนการหมัก (6) ในทำนองเดียวกัน Modern Meadow (สหรัฐอเมริกา) ได้พัฒนาการผลิต “หนังชีวภาพ” โดยใช้ยีสต์ที่ถูกดัดแปลงให้ผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนองค์ประกอบหลักของหนังสัตว์ ทำให้ได้วัสดุที่มีลักษณะและคุณสมบัติเหมือนหนังแท้โดยไม่ต้องเลี้ยงหรือฆ่าสัตว์เลย (7)
วัสดุจากไมซีเลียม (Mycelium-Based Materials) ไมซีเลียม ซึ่งเป็นโครงสร้างร่างแหคล้ายรากของเห็ดรา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการทำหนังเทียม บริษัทอย่าง MycoWorks และ Ecovative Design ได้พัฒนากระบวนการเพาะเลี้ยงไมซีเลียมให้เติบโตเป็นแผ่นวัสดุที่มีความทนทาน ยืดหยุ่น และสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (8)
โพลิเมอร์ชีวภาพและเส้นใยเซลลูโลสขั้นสูง (Advanced Bio-Polymers and Regenerated Fibers) นอกเหนือจากโปรตีนแล้ว SynBio ยังสามารถสร้างโพลิเมอร์ชีวภาพชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย Mango Materials (สหรัฐอเมริกา) ใช้แบคทีเรียที่สามารถเปลี่ยนก๊าซมีเทน (ก๊าซเรือนกระจก) ให้กลายเป็นโพลิเมอร์ที่ย่อยสลายได้ในชื่อ PHA (Polyhydroxyalkanoates) ซึ่งสามารถนำมาผลิตเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ชีวภาพได้ (9) ขณะเดียวกัน Algiknit (สหรัฐอเมริกา) กำลังพัฒนาเส้นใยจากสาหร่ายทะเล ซึ่งสามารถเติบโตได้เร็วและไม่ต้องการที่ดินหรือน้ำจืดในการเพาะปลูก (9) นอกจากนี้ นักวิจัยยังพยายามสร้างทางเลือกให้กับเส้นใยสังเคราะห์ที่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น อีลาสเทน (หรือสแปนเด็กซ์) ซึ่งทำให้การรีไซเคิลผ้าเป็นไปได้ยาก โดยมีการพัฒนาอีลาสเทนชีวภาพจากแหล่งต่างๆ เพื่อแก้ปัญหานี้ (10)
การย้อมสีชีวภาพ (Bio-Coloration)
กระบวนการย้อมสีเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สร้างมลพิษมากที่สุด แต่ SynBio กำลังนำเสนอทางออกที่ไม่สร้างมลพิษและยั่งยืนผ่านการใช้จุลินทรีย์
สีย้อมจากจุลินทรีย์ (Microbial Dyes) แทนที่จะสังเคราะห์สีย้อมจากสารเคมีปิโตรเลียม บริษัทอย่าง Colorifix (สหราชอาณาจักร), Tinctorium Bio (สหรัฐอเมริกา) และ Pili bio (ฝรั่งเศส) ใช้เทคนิคทางวิศวกรรมชีวภาพเพื่อดัดแปลงจุลินทรีย์ให้กลายเป็นโรงงานผลิตเม็ดสีขนาดจิ๋ว (5) จุลินทรีย์เหล่านี้สามารถผลิตและฝังเม็ดสีลงบนเส้นใยผ้าได้โดยตรงในถังหมัก (11) วิธีการนี้มีข้อดีเหนือกว่าการย้อมแบบดั้งเดิมอย่างมหาศาล จากข้อมูลของ Colorifix กระบวนการของพวกเขาสามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 77%, ลดการใช้ไฟฟ้าได้ 53%, และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 31% (11) ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ต้องใช้สารเคมีอันตรายจำนวนมากที่ใช้ในกระบวนการย้อมแบบเดิมเกือบทั้งหมด (2) นอกจากนี้ กระบวนการยังสามารถใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากของเสียทางการเกษตรได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความยั่งยืนและลดต้นทุนไปพร้อมกัน (3)
สีย้อมผ้าจากแบคทีเรีย บริษัท Colorifix
(ภาพจาก Colorifix – Earthshot Prize Finalist 2023)
ในแง่ของประสิทธิภาพ สีย้อมจากจุลินทรีย์มีความคงทนของสี (Color Fastness) ที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสีย้อมธรรมชาติหลายชนิด และมีศักยภาพในการยึดเกาะกับเส้นใยได้ดี (12) อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักยังคงอยู่ที่การผลิตสีที่หลากหลายและสม่ำเสมอในแต่ละรอบการผลิตให้เทียบเท่ากับสีย้อมสังเคราะห์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่อุตสาหกรรมแฟชั่นคาดหวัง (11) ปัจจุบันได้มีการวิจัยและพัฒนาในด้านการใช้สารช่วยย้อม (Mordant) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการใช้ตัวทำละลายชนิดใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพเหล่านี้
การตกแต่งสำเร็จและผ้าคุณสมบัติพิเศษ (Bio-Finishing and Functional Fabrics)
การประยุกต์ใช้ SynBio ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างวัสดุพื้นฐาน แต่กำลังก้าวไปสู่การสร้างสรรค์ผ้าที่มี “คุณสมบัติพิเศษ” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ้าธรรมดาๆให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้
สารเคลือบชีวภาพ (Sustainable Coatings) SynBio สามารถใช้ในการออกแบบจุลินทรีย์ เช่น สาหร่าย ให้ผลิตน้ำมันชีวภาพที่สามารถนำมาใช้เป็นสารเคลือบกันน้ำ (Hydrophobic) สำหรับเสื้อผ้ากีฬา แทนที่การใช้สารเคมีในกลุ่มฟลูออโรคาร์บอน (PFCs) ที่เป็นพิษและตกค้างในสิ่งแวดล้อมยาวนาน (2)
ผ้าชีวภาพอัจฉริยะและผ้าซ่อมแซมตัวเอง (Bio-Functional & Self-Healing Textiles) ผ้าที่สามารถ ซ่อมแซมตัวเองจากรอยขาดหรือรูเล็กๆ กำลังกลายเป็นความจริง แนวทางแรกคือการฝังไมโครแคปซูลที่บรรจุสารเยียวยาไว้ในสารเคลือบ เมื่อผ้าเกิดความเสียหาย แคปซูลจะแตกออกและปล่อยสารออกมาเพื่อประสานรอยขาด (14) อีกแนวทางหนึ่งคือการใช้โพลิเมอร์ที่ออกแบบมาให้สามารถจัดเรียงตัวเองใหม่ได้เมื่อได้รับพลังงานกระตุ้น เช่น ความร้อนหรือแสง (14) นอกจากนี้ ยังมีแนวคิด “ผ้าชีวภาพอัจฉริยะ” ที่ฝังเอนไซม์หรือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตไว้เพื่อทำหน้าที่บางอย่าง เช่น การย่อยสลายสารพิษที่สัมผัสกับเสื้อผ้า (15) หรือแม้กระทั่งการพัฒนาผ้าที่สามารถนำส่งยา วิตามิน หรือสารบำรุงผิวสู่ร่างกายได้อย่างต่อเนื่องและควบคุมได้ (16)
การพัฒนาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่สำคัญ SynBio ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการสร้าง “สิ่งทดแทน” ที่ยั่งยืนสำหรับวัสดุแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่กำลังสร้าง “สสารที่ตั้งโปรแกรมได้” (Programmable Matter) รูปแบบใหม่ ที่มีคุณสมบัติและฟังก์ชันการทำงานที่เหนือกว่าสิ่งที่เคยมีมา การเปลี่ยนผ่านนี้ยกระดับคุณค่าของผลิตภัณฑ์จากแค่ความยั่งยืนไปสู่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการยอมรับในตลาดและการลงทุนในระยะยาว
กรณีศึกษาบริษัทชั้นนำระดับโลก
บริษัทจำนวนมากกำลังแข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นผู้นำในตลาดวัสดุชีวภาพแห่งอนาคต โดยแต่ละแห่งมีเทคโนโลยีและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป
ผู้สร้างสรรค์เส้นใย (Fiber Innovators)
Spiber (ญี่ปุ่น/ไทย) ผู้นำด้านการผลิตเส้นใยโปรตีนจากการหมักภายใต้แบรนด์ Brewed Protein™ ซึ่งมีคุณสมบัติหลากหลายและปรับแต่งได้ Spiber ได้ร่วมมือกับแบรนด์ดังอย่าง The North Face และที่สำคัญที่สุดคือการตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรม (7) ในปี 2025 Spiber ได้รับการยกย่องอย่างสำคัญจาก TIME Magazine ในฐานะหนึ่งใน ‘World’s Top GreenTech Companies of 2025’ อันดับที่ 22 ในหมวด Circular Economy (17) โรงงานในไทยยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และ ISO 14001:2015 ในเดือนมีนาคม (18) นอกจากนี้ บริษัทยังขยายการร่วมมือไปยังตลาดยุโรป (20) ให้ความร่วมมือกับToyota สำหรับการตกแต่งภายในรถยนต์ (24) และเข้าร่วม Expo 2025 Osaka (19) แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการนำนวัตกรรมสู่ตลาดโลก
ตัวอย่างเส้นใยจากบริษัท Spiber
(ภาพจาก Spiber รังสรรค์นวัตกรรมใหม่ ด้วยแรงบันดาลใจจากใยแมงมุม สู่เส้นใยโปรตีนสังเคราะห์ – mediator)
MycoWorks (สหรัฐอเมริกา) มุ่งเน้นไปที่ตลาดหนังเทียมระดับหรูจากไมซีเลียมภายใต้แบรนด์ Reishi™ โดยใช้กระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะเรียกว่า “Fine Mycelium” ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมคุณสมบัติของวัสดุได้อย่างแม่นยำ บริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Series C ได้สูงถึง 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมหาศาล (8) ปัจจุบันได้เปิดโรงงานเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก สำหรับ Fine Mycelium ตั้งอยู่ใน Union, South Carolina ขนาด 136,000 ตารางฟุต (21)
Modern Meadow (สหรัฐอเมริกา) เป็นผู้นำด้านหนังชีวภาพที่ผลิตจากคอลลาเจนที่แสดงออกโดยยีสต์ดัดแปลงพันธุกรรม บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาวัสดุที่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับหนังแท้ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงตลาดในวงกว้าง7 ปัจจุบันได้ประกาศความสามารถในการผลิต BIO-VERA® มากกว่า 500,000 ตารางเมตรต่อปี (22) และมีความร่วมมือกับ Mercedes-Benz สำหรับพัฒนาหนังทางเลือกในรถยนต์ (23)
ผู้ปฏิวัติการย้อมสี (Dyeing Revolutionaries)
Colorifix (สหราชอาณาจักร) โดดเด่นในด้านการย้อมสีด้วยจุลินทรีย์ เทคโนโลยีของบริษัทแสดงให้เห็นถึงการลดการใช้น้ำ พลังงาน และสารเคมีได้อย่างมีนัยสำคัญ และถูกออกแบบมาให้เป็น การแก้ปัญหาแบบดรอปอิน (drop-in solution) ที่สามารถใช้งานกับเครื่องจักรย้อมผ้าที่มีอยู่เดิมได้ทันที ซึ่งช่วยลดอุปสรรคในการนำไปใช้สำหรับโรงงานสิ่งทอ (11)
บริษัทนวัตกรรมอื่นๆ Tinctorium Bio (สหรัฐอเมริกา) กำลังพัฒนาการผลิตสีย้อมคราม (Indigo) จากแบคทีเรียเพื่ออุตสาหกรรมเดนิม (5) ขณะที่ Pili bio (ฝรั่งเศส) ใช้เอนไซม์ในการผลิตสีย้อมและเม็ดสี (5) และ Huue (สหรัฐอเมริกา) ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่น่าจับตามองในตลาดนี้
ตารางที่ 1: ภาพรวมบริษัทชีววิทยาสังเคราะห์ในอุตสาหกรรมสิ่งทอระดับโลก
ชื่อบริษัท | สำนักงานใหญ่ | เทคโนโลยีหลัก | ผลิตภัณฑ์/แบรนด์หลัก | พันธมิตร/นักลงทุนที่สำคัญ |
Spiber | ญี่ปุ่น/ไทย | การหมักโปรตีน (แบคทีเรีย) | Brewed Protein™ (เส้นใยโปรตีนสังเคราะห์) | The North Face, Goldwin, Carlyle Group, Toyota |
MycoWorks | สหรัฐอเมริกา | การเพาะเลี้ยงไมซีเลียม (เทคโนโลยี Fine Mycelium) | Reishi™ (หนังไมซีเลียมระดับหรู) | Hermès, General Motors, SK Networks, Novo Holdings |
Modern Meadow | สหรัฐอเมริกา | การหมักโปรตีน (คอลลาเจนจากยีสต์) | Zoa™ (หนังชีวภาพ)Bio-VERA® | Evonik, KeyBridge Capital, Mercedes-Benz AG |
Algiknit | สหรัฐอเมริกา | การสกัดเส้นใยจากสาหร่ายทะเล (Kelp) | เส้นด้ายและเส้นใยชีวภาพจากสาหร่าย | H&M CO:Lab, Collaborative Fund, SOSv |
Colorifix | สหราชอาณาจักร | การย้อมสีด้วยจุลินทรีย์ | กระบวนการย้อมสีชีวภาพ, สีย้อมชีวภาพ | H&M, Pangaia, Sagana, Cambridge Enterprise |
Mango Materials | สหรัฐอเมริกา | การเปลี่ยนก๊าซมีเทนเป็นโพลิเมอร์ชีวภาพ (PHA) | YOPP™ (ผงโพลีเอสเตอร์ชีวภาพ) | นักลงทุนเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ |
ชีววิทยาสังเคราะห์ (SynBio) ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่เพียงกระแสทางวิทยาศาสตร์ชั่วครู่ แต่เป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ ที่มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ฝังรากลึกในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เทคโนโลยีนี้กำลังนำพาเราออกจากยุคของการผลิตที่พึ่งพาทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปและสร้างมลพิษ ไปสู่อนาคตที่วัสดุสามารถถูก “เพาะเลี้ยง” ขึ้นมาได้อย่างยั่งยืน เป็นวงจร และมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าเดิม ตั้งแต่เส้นใยที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าไปจนถึงสีย้อมที่ผลิตจากจุลินทรีย์ในถังหมัก SynBio กำลังถักทอความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับสิ่งที่เราสวมใส่ในทุกๆ วัน
อย่างไรก็ตาม การเดินทางสู่อนาคตนี้ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย การจะนำนวัตกรรมเหล่านี้จากห้องปฏิบัติการไปสู่ตู้เสื้อผ้าของผู้บริโภคทั่วโลกได้นั้น จำเป็นต้องเอาชนะอุปสรรคสำคัญในด้านต้นทุนที่ยังสูง การขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม และการสร้างห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องมีความตระหนักและดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการ “ฟอกเขียว” (Greenwashing) และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมรูปแบบใหม่ขึ้นมาทดแทนปัญหาเดิม (15) ความสำเร็จต้องอาศัยมุมมองที่รอบด้าน การวิจัยที่โปร่งใส และการกำกับดูแลที่รัดกุม
สำหรับประเทศไทย นี่คือช่วงเวลาแห่งโอกาสครั้งสำคัญที่มาบรรจบกันอย่างพอดิบพอดี ประเทศไทยไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่มีสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ที่พร้อม ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชีวภาพ ฐานอุตสาหกรรมสิ่งทอที่แข็งแกร่ง และกรอบนโยบาย BCG ที่ให้การสนับสนุนอย่างชัดเจน การวางยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาด โดยมุ่งเน้นการเป็น “ผู้ขับเคลื่อน” (Enabler) ของห่วงโซ่อุปทาน SynBio โลก ผ่านการเป็นศูนย์กลางการผลิตวัตถุดิบชีวภาพและการให้บริการการหมักระดับอุตสาหกรรม จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามการเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตปลายน้ำ ไปสู่การเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญและขาดไม่ได้ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตนี้
ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการลงมือปฏิบัติ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ และความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการศึกษา และภาคการเงิน หากทุกภาคส่วนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะสามารถเข้าร่วมการปฏิวัติสิ่งทอชีวภาพครั้งนี้ได้ แต่ยังมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งในการกำหนดทิศทางและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอของโลกได้อย่างแท้จริง
References
15. Heyse P, De Vilder I, Vanneste M. Smart durable and self-healing textile coatings. In: Active Coatings for Smart Textiles. Elsevier; 2016. p. 55–80.